บทที่ 5
ความเจ็บปวดแหลมคมแผ่ซ่านจากช่องท้อง ศีรษะของโคลอี้ปวดตุบๆ เป็นระลอก เส้นเลือดที่ขมับของเธอเต้นจนเห็นได้ชัด
“ผมดีใจที่คุณชอบมันนะ ตอนที่ผมเห็นประกาศประมูล ผมอุตส่าห์ลางานครึ่งวันเพื่อประมูลสร้อยเส้นนี้มาให้คุณโดยเฉพาะเลย”
ถ้อยคำหวานหูของอาเธอร์ยังคงก้องอยู่ในหู แต่บัดนี้มันกลับทิ่มแทงเยื่อแก้วหูของเธอราวกับปลายมีด
เขาไม่ได้บอกหรือว่า ‘น้ำตาปลาวาฬ’ ซื้อมาเพื่อเธอ?
แล้วทำไมตอนนี้มันถึงไปอยู่บนข้อเท้าของเอเวอรี่ได้ล่ะ?
กลิ่นคาวเลือดจางๆ คลุ้งไปทั่วห้อง
โคลอี้ก้มลงมองชุดของตัวเอง ซึ่งบัดนี้กำลังเบ่งบานไปด้วยดอกไม้สีเลือดแดงฉาน
ลูก... ลูกของเธอ...
เธอเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ กดปุ่มรายชื่อฉุกเฉินอย่างร้อนรน
ความเจ็บปวดทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือน ขณะที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้น เธอก็เพิ่งตระหนักได้ว่ารายชื่อฉุกเฉินของเธอคืออาเธอร์มาโดยตลอด
ป่านนี้เขาคงอยู่กับเอเวอรี่ เขาจะมีเวลาที่ไหนมารับสายเธอกัน?
โคลอี้กัดฟันพลางเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะข้างเตียง
ทันทีที่ปลายนิ้วของเธอสัมผัสกับมัน เสียงผู้หญิงเย็นชาก็ดังขึ้นจากปลายสาย “ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาลองใหม่อีกครั้งค่ะ...”
ปกติโทรศัพท์ของอาเธอร์จะปิดเครื่องระหว่างประชุมงาน แต่ข้อความกลับบอกว่า ‘ไม่สามารถติดต่อได้’ ไม่ใช่ ‘ปิดเครื่อง’ เขาไม่ได้ไม่เห็นสายของเธอ—เขาแค่ไม่มีเวลารับมันต่างหาก
หลังจากแต่งงานกันมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รับสายเธอ
เมื่อมีจุดเริ่มต้น ก็ย่อมมองเห็นจุดจบได้รำไร
ตอนนี้อาเธอร์ต้องอยู่กับเอเวอรี่แน่ๆ
โคลอี้ยิ้มอย่างขมขื่น แม้ว่าจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แต่ความคิดเรื่องการหักหลังของอาเธอร์ยังคงกรีดลึกในใจราวกับคมมีด
ความเจ็บปวดราวกับฝูงแมลงที่กำลังกัดกินกระดูกของเธอ ความรู้สึกอับจนหนทางอย่างที่สุดผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เมื่อคิดได้ดังนั้น โคลอี้ก็พยายามลุกขึ้นเดินไปยังประตู แต่ความอ่อนแอของร่างกายและความทรงจำที่ถาโถมเข้ามาได้สูบเรี่ยวแรงของเธอไปจนหมดสิ้น เธอทรุดลงไปกองกับพื้นพลางกุมท้องของตัวเองไว้แน่น
วันนี้เธอจะต้องมาตายที่นี่พร้อมกับลูกของเธออย่างนั้นหรือ
ไม่ โคลอี้สูดหายใจเข้าลึกๆ และจิกเล็บลงบนแขนของตัวเอง
เธอทนทุกข์ทรมานมามากเกินไปแล้วเพื่อชีวิตน้อยๆ ที่กำลังเติบโตอยู่ข้างในนี้ ตอนนี้เขาคือครอบครัวเพียงคนเดียวที่เธอมี และเธอจะไม่มีวันยอมให้เขาจากไปแบบนี้เด็ดขาด!
เธอรวบรวมพละกำลังเฮือกสุดท้ายจากส่วนลึก พยุงตัวเองลุกขึ้นยืน คว้าเสื้อโค้ตมาคลุมกาย แล้วเดินโซซัดโซเซไปยังประตู
ลูกบิดประตูที่ปกติบิดได้ง่ายดาย ตอนนี้กลับรู้สึกหนักอึ้งอย่างไม่น่าเชื่อ โคลอี้ใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายผลักประตูให้เปิดออก เลือดยังคงไหลรินไม่หยุด และความสิ้นหวังก็เข้าเกาะกุมหัวใจของเธอ
ในตอนนั้นเอง ก็มีคนเดินผ่านมา โคลอี้เงยหน้าขึ้น น้ำตาทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัว เธอมองไม่เห็นว่าเป็นใคร รู้แต่เพียงว่าเป็นชายร่างสูงคนหนึ่ง
โคลอี้คว้าแขนของเขาไว้แล้วพูดอย่างยากลำบาก รับรู้ได้ถึงรสคาวเลือดในลำคอ “ได้โปรดช่วยฉันด้วย... พาฉันไปโรงพยาบาลที...”
สิ้นคำพูดนั้น ภาพตรงหน้าของโคลอี้ก็มืดดับลง และร่างของเธอก็ทรุดฮวบลงไปซบเขา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง กลิ่นกายของเขาช่างคุ้นเคย... เป็นกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยแต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นใจอย่างน่าประหลาด
ความทรงจำบางอย่างที่ถูกฝังลึกแวบเข้ามาในหัว แต่ก่อนที่เธอจะทันได้นึกออก สติของโคลอี้ก็ดับวูบไป ในภวังค์อันเลือนราง เธอรู้สึกได้ว่าเขาอุ้มเธอขึ้นในอ้อมแขนแล้วรีบวิ่งลงไปชั้นล่าง
เป็นคุณเหรอ... อาเธอร์?
“อาเธอร์... ปกป้องลูกของเราด้วย”
เมื่อเธอฟื้นคืนสติขึ้นมา เธอก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
ภายในห้องว่างเปล่าและเงียบสงัด มีเพียงเสียงสัญญาณจากเครื่องให้น้ำเกลือที่ดังเป็นจังหวะ
เธอกดปุ่มเรียกพยาบาล และผู้หญิงวัยห้าสิบเศษคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“คุณหมออดัมส์” โคลอี้เอ่ยขึ้น ลำคอของเธอแห้งผากจนทุกพยางค์ที่เปล่งออกมาเสียดสีจนเจ็บปวด
“นอนลงก่อนนะคะ คุณต้องนอนพักสักพัก” โซอี้ อดัมส์ มองเธอด้วยแววตาเป็นห่วง
“คุณหมออดัมส์ ลูกของฉัน...” โคลเอ้ลูบท้องของตัวเอง รอคอยคำตอบจากโซอี้อย่างร้อนใจ
“ตอนนี้เด็กปลอดภัยดีค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” โคลเอ้รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“เด็กปลอดภัยแค่ตอนนี้เท่านั้นนะคะ” คุณหมออดัมส์ชี้แจง “แต่คุณมีเลือดออกทั้งที่อายุครรภ์ยังไม่ถึงสามเดือน นั่นเป็นเรื่องอันตราย มีความเสี่ยงสูงมากที่คุณอาจจะแท้งได้”
คำพูดของโซอี้เหมือนน้ำเย็นจัดที่สาดใส่โคลเอ้ ในชั่วพริบตา เธอรู้สึกราวกับดิ่งจากสวรรค์ลงสู่นรก
เธอเงยหน้ามองโซอี้ ซึ่งแววตาเต็มไปด้วยความกังวล
โคลเอ้น่าจะเป็นคนไข้รายสุดท้ายของเธอก่อนเกษียณ คุณหมอเป็นแพทย์ประจำตัวของโคลเอ้มาตั้งแต่เธอเริ่มเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก ช่วยดูแลบำรุงสุขภาพของเธอจนกระทั่งตั้งครรภ์ได้ในที่สุด...
“ตอนที่คุณมาถึง พวกเขาทำอัลตราซาวนด์แล้ว ผนังมดลูกของคุณบางมาก และตัวอ่อนก็ฝังตัวได้ไม่ดีนัก คำแนะนำของหมอคือให้ยุติการตั้งครรภ์ค่ะ” โซอี้พูดจบก็หันหน้าหนี ทนเห็นปฏิกิริยาของโคลเอ้ไม่ไหว
โคลเอ้กำชายผ้าห่มไว้แน่น พยายามทำความเข้าใจคำพูดของโซอี้
กว่าจะได้ลูกคนนี้มา เธอต้องทนฉีดยามากกว่าสามร้อยเข็มในหนึ่งปี และกินยาขมๆ มานับไม่ถ้วน
หากเธอไม่สามารถรักษาลูกคนนี้ไว้ได้ ทุกสิ่งที่เธอเสียสละไปก็จะสลายไปเหมือนฟองคลื่น ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ลูกคนนี้คือครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอ การที่เธอต้องการลูกคนนี้ไม่ใช่แค่เพื่ออาร์เธอร์ แต่เพื่อตัวเธอเองด้วย
ที่บ้านตระกูลสก็อตต์ เธอถูกผลักไสให้ไปอยู่ในห้องเก็บของเล็กๆ ที่ดัดแปลงขึ้นมา ทั้งอับชื้นและคับแคบ เล็กเกินกว่าจะวางเตียงขนาดมาตรฐานได้ด้วยซ้ำ
แม่ของเธอรักเอเวอรี่มากกว่าเสมอ และผลักดันให้โคลเอ้รีบแต่งงานออกไปทันทีที่บรรลุนิติภาวะ บ้านหลังนั้นไม่เคยเป็นบ้านของเธอเลย
เธอเคยคิดว่าบ้านของเธอกับอาร์เธอร์จะแตกต่างออกไป แต่ตอนนี้...
“คุณหมอคะ ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอคะ ฉันเสียลูกคนนี้ไปไม่ได้” โคลเอ้คว้าแขนเสื้อของโซอี้ไว้ น้ำตาคลอเบ้า
โซอี้ถอนหายใจยาว
“ถ้าคุณยืนกรานที่จะเก็บเด็กไว้ คุณจะต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่องและดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ตอนคลอดก็อาจเป็นอันตรายได้ คุณยอมเสี่ยงกับสุขภาพของตัวเองเหรอคะ”
โซอี้ขมวดคิ้วด้วยความกังวล
แม้เธอจะหวังให้โคลเอ้อุ้มท้องจนครบกำหนดคลอดได้อย่างปลอดภัย แต่เธอก็ไม่อยากเห็นชีวิตของโคลเอ้ต้องตกอยู่ในอันตราย
“หมอเองก็ไม่เคยมีลูก ผู้หญิงเราไม่จำเป็นต้องมีลูกเสมอไปก็ได้ ถ้าสามีของคุณยืนกรานอยากมีลูกคนนี้ คุณต้องทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ทางการแพทย์ของคุณนะ”
“ฉันกับสามี...เรากำลังจะหย่ากันค่ะ ส่วนลูกคนนี้...” โคลเอ้มองโซอี้ สีหน้าพลันแน่วแน่ขึ้นมา
“นี่คือทางเลือกของฉันเอง เด็กคนนี้คือครอบครัวคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่บนโลกใบนี้”
โซอี้ถอนหายใจ แววตาเต็มไปด้วยความเห็นใจ
“ก็ได้ค่ะ หมอจะช่วยคุณ แต่ต้องเข้าใจนะว่าความยากลำบากที่คุณจะต้องเจอเพื่อลูกคนนี้อาจจะหนักหนาสาหัสกว่าที่คุณเคยผ่านมาด้วยซ้ำ”
โคลเอ้ส่ายหน้า “ฉันไม่กลัวค่ะ”
โคลเอ้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลภายใต้การดูแลของโซอี้ กระบวนการรักษานั้นแสนสาหัส การฉีดาทุกวันทำให้แขนของเธอบวมเป่ง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
พอถึงวันที่สามของการรักษา แขนของเธอรู้สึกราวกับไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป
หลังจากจ่ายค่ารักษาพยาบาลเสร็จ เธอก็เดินกลับไปทางห้องพักของเธอ
ขณะที่เดินอยู่ เธอก็พลันสังเกตเห็นร่างที่คุ้นตาอยู่ข้างหน้า
ตรงหัวมุมทางเดิน เธอเห็นคนคนนั้นกำลังประคองผู้หญิงในชุดคนไข้อยู่
อาร์เธอร์กับเอเวอรี่เหรอ?






































































































